หินแร่อุกกาบาต(เสก็ดดาวหรืออุกลกมณี)น้ำหนัก100กรัมขึ้นไปต่อชิ้นเครื่องรางหินนำโชคเสริมมงคลป้องกันภูติผีปีศาจร้าย
⚫ อุลกมณี หรือ “สเก็ดดาว” เป็นวัตถุอาถรรพณ์ตามธรรมชาติ มีพลังในตัวในด้าน “กันไฟ”
“หินสะเก็ดดาว” ทางด้านพุทธคุณนั้น เนื่องจากสิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์ทำขึ้น
จึงมีความสะอาดบริสุทธิ์มากสมควรเรียกว่าเป็นดาวนำโชคแก่ผู้ที่มีไว้กับตัวอีก
นิยมนำมาวางที่โต๊ะหมู่บูชาเพื่อป้องกันอัคคีภัย ด้วยเหตุที่ว่าอุกกาบาตทนการเสียดสี ลุกไหม้ รุนแรง
ก่อนมาถึงโลกและรอดมาได้ จึงถือว่า มีพลังทนไฟในตัวนั่นเอง
ผู้รู้คนในแวดวงเล่าลือกันว่าด้วยพลังความบริสุทธิ์ที่ว่านี้หินสะเก็ดดาวยังสามารถใช้ป้องกันคุณไสยมนตร์ดำ
ภูตผีปีศาจต่างๆมิให้มากล้ำกรายได้ เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี เพิ่มพลังออร่ารอบๆตัว
ทำให้ออร่าเข้มแข็งมั่นคง ปกป้อง คุ้มครองและขับไล่สิ่งที่มารุกราน ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายได้เป็นอย่างดี
“การเดินทางที่ยาวไกลนี้เองทำให้อัญมณีชนิดนี้ ซึมซับพลังงานจากนอกโลก หรือพลังจักรวาลโดยตรงอย่างเต็มเปี่ยม”
ผนวกกับคุณลักษณะมีความแข็งแกร่งของเนื้อวัตถุธาตุ มีสีดำสนิทดั่งนิล
นิยมนำมาเจียระไนทำหัวแหวนเพราะยึดถือเป็นวัตถุธาตุศักดิ์สิทธิ์
และยังมีความเชื่อว่ามี “เทพ” คุ้มครองจึงไม่แนะนำให้นำไปแกะสลักโดยไม่เชิญดวงวิญญาณออกก่อน
เมื่อแกะสลักแล้วจึงค่อยเชิญดวงวิญญาณเข้าไปใหม่
ทั้งนี้และทั้งนั้น “สะเก็ดดาว” เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการเข้าฌาน
เพื่อช่วยให้จิตเป็นไปในสภาวะสูงสุด มีฤทธิ์ชุ่มชื่นช่วยให้สามารถขยายและปลดปล่อยพลังที่ไม่ดี
นำไปสู่ร่างกายที่มีพลังกระปรี้กระเปร่า ตอบสนองได้ดีขึ้น น่าจะเหมาะกับยุคสมัยที่โรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องกังวลใจ
จึงช่วยในด้านการรักษา
“อุลกมณี” หรือ “tektite” เป็นทรายที่เกิดบนโลกที่เกิดจากการหลอมละลายจากความร้อนจากการพุ่งชนของอุกกาบาต
ขณะที่ทรายในบริเวณดังกล่าว หลอมละลายและกระเซ็นขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วเกิดการเย็นและแข็งตัวกลางอากาศ
ก่อนจะตกกลับคืนสู่พื้นดิน จึงทำให้เกิดรูปร่างหลากหลายแบบ...
รูปแบบที่แตกต่างกันนั้นเกิดจากลักษณะของการกระเซ็นและการตกลงมา
ส่วนสีของอุลกมณีที่จะมีความแตกต่างกันออกไปก็มาจากการเกิด ซึ่งขึ้นอยู่กับธาตุที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
ที่เกิดการหลอมละลาย มีแร่ธาตุอะไรเข้าไปผสมอยู่ด้วย
อุลกมณีที่พบจะมีเนื้อแก้ว ส่วนใหญ่สีดำทึบคล้ายนิล บางชิ้นมีเนื้อในสีน้ำตาลใส บางชิ้นก็มีเนื้อโปร่งแสงสีเขียว
ผิวของอุลกมณีจะเป็นหลุมเล็กๆโดยรอบ รูปลักษณ์สัณฐานของอุลกมณีไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลม ยาวแบน แท่งกลมยาว
💥 ผู้ที่มีหินสะเก็ดดาว สะสมตกทอดมาจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เก็บได้จากพื้นที่ภาคอีสาน
กล่าวถึงความเชื่อมาจากโบราณนี้ว่า การได้ครอบครองอุลกมณี เสมือนมีเทพคุ้มครอง
“เชื่อกันว่า...สรรพคุณเหมือนเหล็กไหล เด่นทางด้านโชคลาภ ค้าขาย
จึงเรียกว่า แก้วข้าวในทางเหนือนิยมเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง จะทำให้พืชพันธุ์มีผลผลิตสูง ให้คุณทางด้านบวก”
ปกป้องคุณไสย มนตร์ดำ และ...มีพลังงานเข้า...ออก คือดึงดูดสิ่งดีๆ พลังงานเชิงบวกสูง
มีความเชื่อว่าจะดึงโชคลาภมาสู่ครอบครัวได้ง่าย...เสริมเสน่ห์ให้คนรัก
นอกจากนี้ในต่างประเทศยังมีความเชื่อในหินสะเก็ดดาวไว้อีกว่า...
ตำนานจีนโบราณเรียก “หินหมึกของเทพเจ้าสายฟ้า”...
ตำนานอินเดียแดงยกย่องสะเก็ดดาวว่าเป็นเครื่องรางที่บอกถึงอนาคต หรือผู้ส่งสาร
เช่นเดียวกับบนเกาะบิลลิตุง ประเทศอินโดนีเซีย บนเกาะนี้มีสะเก็ดดาวทรงหยดน้ำที่อุดมสมบูรณ์ เรียกว่า
เมล็ดพันธุ์สีดำแห่งเวทมนตร์ ซึ่งเกาะนี้มีดีบุกเยอะมากทำให้คนพื้นที่เชื่อว่า หากปลูกสะเก็ดดาวไว้ในดิน
จะทำให้มีดีบุกที่อุดมสมบูรณ์
ฟรานซ์ อีดูอาต ซุเอส (Franz Eduard Suess (1867-1941)) นักธรณีวิทยาชาวออสเตรเลีย
มีการกำหนดลักษณะของสะเก็ดดาวไว้ว่า องค์ประกอบโดยรวมต้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งก้อน
ปริมาณน้ำและสารระเหยอื่นๆ ต้องมีต่ำมาก รวมทั้งองค์ประกอบหลักต้องเป็นแร่ซิลิกาชนิดที่ไม่มีรูปผลึก (Lechatelierite)
ปกติจะไม่มีรูปผลึกขนาดเล็กที่มีชื่อเรียกว่า ไมโครไลต์ (microlites) และต้องมีองค์ประกอบทางเคมีสัมพันธ์กับชนิดหินดานหรือหินตะกอนในบริเวณนั้น โดยมีการกระจายตัวแบบหว่านอยู่บนพื้นที่
O O O